-

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

A-nu-ban dekkong อนุบาลเด็กโข่ง










ชื่ออังกฤษ
A-nu-ban dekkong
ชื่อไทย อนุบาลเด็กโข่ง
ประเภทหนัง Comedy
ผู้กำกับ ทวีวัฒน์ วันทา
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 11 June 2009
ความยาวหนัง -
นักแสดง

นพ ฤทธิ์ สุริวงศ์ม คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ม ด.ญ. กัจนฐานียา ศรีโรจน์วัฒนะม ด.ช. เศรษฐวุฒิ มนัสปิติสุขม ด.ช. ปรเมศร์ โทนเนินสูงม ด.ช. ศกานต์ ชาวบ้านเกาะ
เรทภาพยนตร์ G (general audiences)
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ -
อนุบาลเด็กโข่ง | เรื่องย่อ

“แก๊งคิงคอง” มหาอำนาจที่เหล่าเด็กอนุบาลต่างเคารพและยำเกรงเป็นที่สุด ไม่ว่าจะมีแก๊งไหนๆ พยามจะโค่นล้มก็ต้องพ่ายแพ้ต่อแก๊งคิงคองอยู่ร่ำไป นั่นเป็นเพราะ โอม (นพฤทธิ์ สุริวงศ์) หัวหน้าแก๊งผู้น่าเกรงขาม ที่มีร่างกายสูงใหญ่ผิด (ปกติ) กว่าเด็กอนุบาล 3 ทั่วไป จนไม่มีเด็กคนไหนกล้าหือ รวมไปถึงการมีลูกน้องผู้ซื่อสัตย์อย่างมือขวา จอน (ด.ช.เศรฐวุฒิ มนัสปิติสุข) มือซ้ายอย่าง อั๋น (ด.ช.ศกานต์ ชาวบ้านเกาะ) และ เปี๊ยก (ด.ช.ปรเมศร์ โทนสูงเนิน) ลูกไล่ประจำแก๊ง ทำให้ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมาโค่นแก๊งคิงคองลงจากบัลลังค์ได้

จนเมื่อวันหนึ่งโอมได้พบกับ ออม (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) นักเรียนสาวม.ปลาย โดยที่โอมก็เกิดอาการตกหลุมรักออมเข้าอย่างเต็มเปา ถึงกับต้องหลอกว่าอายุเท่ากันแถมยังลงทุนปลอมตัวเป็นเด็ก ม.ปลาย เพื่อหวังจะพิชิตใจเธอให้ได้ และที่ร้ายคือโอมปกปิดเรื่องนี้กับแก๊งคิงคอง เมื่อหัวหน้าแก๊งหัวใจว้าวุ่น ความมั่นคงของแก๊งจึงเริ่มสั่นคลอน ประกอบกับการปรากฏตัวของ จำเนียร (ด.ญ.กัจนฐานียา ศรีโรจน์วัฒนะ) เด็กสาวลึกลับ ที่มาขอเข้าแก๊งโดยมีแผนการโค่นล้มแก๊งคิงคองอย่างร้ายกาจ เมื่อปัญหาเรื่องแก๊งเริ่มยุ่งเหยิง เรื่องรักเริ่มขมวดปมหนาขึ้น โอม จึงต้องลุกขึ้นมากอบกู้ศักดิ์ศรีของแก๊งและพิชิตใจสาวม.ปลายไปด้วย มหากาพย์สงครามความรัก การเชือดเฉือนคม ของ “เด็กตัวกระจิ๊ด” จึงเริ่มต้นขึ้น ที่จะสร้างรอยยิ้มและความสนุกสนานในหัวใจของคุณอย่างแน่นอน

Up ปู่ซ่าบ้าพลัง





















ชื่ออังกฤษ
Up
ชื่อไทย ปู่ซ่าบ้าพลัง
ประเภทหนัง Animation
ผู้กำกับ Bob Peterson
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 11 June 2009
ความยาวหนัง 104 min.
นักแสดง

เอ๊ด เอสเนอร์, คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์, จอห์น แรทเซนเบอร์เกอร์, เดลรอย ลินโด, จอร์แดน นากาอิ
เรทภาพยนตร์ G (general audiences)
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ http://disney.go.com/disneypictures/up/
UP ปู่ซ่าบ้าพลัง : การ์ตูน 3 มิติเรื่องแรกของพิกซ่าร์

คอหนังการ์ตูนทั้งหลายคงทราบดีอยู่แล้วว่า ผลงานจากค่ายพิกซ่าร์ นั้นสุดยอดขนาดไหน ลำพังแค่หนังการ์ตูนแบบปกติของพิกซ่าร์ ก็มีภาษีดีกว่าการ์ตูน 2 มิติของชาวบ้านเขาอยู่แล้ว และถ้าเกิด UP ปู่ซ่าบ้าพลัง แอนิเมชั่นเรื่องที่ 10 ของพิกซ่าร์ ถูกสร้างเป็นหนัง 3 มิติด้วยล่ะ ไม่อยากคิดเลยว่ามันจะ วิจิตรตระการตา มันส์ ทะลุจอ แค่ไหน สรุปง่ายๆ ว่า นี่คือหนังแอนิเมชั่นแห่งปีที่ทุกคนไม่ควรพลาด!

เมื่อคุณปู่ออกตามล่าความฝัน
UP เล่าเรื่องของ คาร์ล เฟรดริกเซน (ให้เสียงพากย์โดย เอ็ดเวิร์ด แอสเนอร์) คุณปู่พ่อค้าขายลูกโป่งวัย 78 ปี ที่ต้องการออกตามหาฝันของภรรยาผู้ล่วงลับ นั่นก็คือการไปท่องดินแดนอเมริกาใต้สักครั้ง และแล้ววันหนึ่ง คุณปู่ขี้โมโหคนนี้ก็ทำให้เพื่อนบ้านแตกตื่นเป็นทิวแถว เมื่อตัดสินใจผูกลูกโป่งเป็นหมื่นๆ ใบไว้กับบ้านของเขาเพื่อใช้เป็นยานพาหนะบินขึ้นฟ้าออกเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่โลกลืม แต่ คาร์ล ไม่ได้เดินทางเพียงลำพังอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะยังมี รัสเซล (ให้เสียงพากย์โดย จอร์แดน นางาอิ) ลูกเสือเจ้าปัญหาวัย 9 ขวบ หลงมาเกาะระเบียงหน้าบ้านของคุณปู่ คาร์ล ขณะที่บ้านลอยขึ้นฟ้ามาด้วย ความสนุกสนาน และมิตรภาพต่างวัยอันน่าประทับใจจึงเริ่มต้นขึ้น

แรงบันดาลใจจากสถานที่จริง
UP เป็นผลงานการกำกับของ พีท ด็อกเตอร์ ซึ่งเคยฝากฝีมือไว้ใน Monster Inc. ร่วมด้วยทีมผู้สร้างมือทองจาก Finding Nemo, Ratatouille และ Wall-E โดยหลายๆ ฉากที่เราได้เห็นหนังนั้น เป็นฉากที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถานที่จริง ซึ่งทีมงานพิกซ่าร์กว่า 10 ชีวิต ได้บุกป่าฝ่าดงเข้าไปถึง ยอดเขาสูง “เทพุซ” ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปเข้าถึงได้ยากมาก โดยเชื่อกันว่าที่แห่งนี้คือที่ตั้งของสถานที่ลึกลับในจินตนาการที่อยู่บริเวณจุดเชื่อมของ 3 ประเทศคือ เวเนซูเอล่า, บราซิล และ กายอานา โดยการเดินทางอันแสนทรหดนี้กินเวลานานกว่า 3 วัน ซึ่งทีมงานต้องอาศัยทั้งรถจี๊ป, เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ เป็นพาหนะไปสู่จุดหมาย แต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่า เพราะพวกเขาได้เดินทางไปถึงน้ำตกแองเจิล น้ำตกที่สูงที่สุดในโลกซึ่งอยู่ในเวเนซูเอล่า และน้ำตกแห่งนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาสรรค์สร้างน้ำตกพาราไดส์ ในหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

แอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้ฉายเปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์
ตั้งแต่มีการจัดงานมาถึง 62 ปี UP คือหนังแอนิเมชั่น 3 มิติเรื่องแรกที่ได้รับเลือกให้ไปฉายเปิดในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ซึ่งได้ข่าวมาว่า Up สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมแบบสุดๆ ถึงขนาดมีคนยืนลุกขึ้นปรบมือให้นานกว่า 10 นาทีหลังจากหนังจบเลยทีเดียว!

เสียงชื่นชมท่วมท้นจากนักวิจารณ์
UP ได้คะแนนเฉลี่ยจากเว็บไซต์รวมบทวิจารณ์ชื่อดังอย่าง Metacritic.com สูงถึง 88/100 โดยนักวิจารณ์จากสื่อชั้นนำของอเมริกาอย่าง The Hollywood Reporter, Variety, Entertainment Weekly, Rolling Stone, New York Post พากันเทคะแนนเต็มให้ กับหนังการ์ตูนเรื่องนี้แบบไม่ได้นัดหมาย ซึ่งนักวิจารณ์ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันในทำนองว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยี 3 มิติกับความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของทีมงานพิกซาร์ แล้ว UP คือหนังการ์ตูนที่จะทำให้คนดูต้องหัวเราะ ซาบซึ้ง และเสียน้ำตาให้กับมิตรภาพอันแสนประทับใจของคู่หูต่างวัยอย่างคุณปู่ คาร์ล และลูกเสือนักสำรวจตัวน้อย รัสเซล ซึ่งนี่ถือเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าแอนิเมชั่นของพิกซาร์ ไม่ใช่การ์ตูนสำหรับเด็กอย่างเดียว แต่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย

ว่าที่หนังทำรายได้สูงสุดของพิกซ่าร์
UP เปิดตัวอันดับ 1 ในบ๊อกซ์ออฟฟิศของอเมริกาตามคาด (ไม่น้อยหน้าผลงานก่อนหน้านี้ทั้ง 9 เรื่องของพิกซ่าร์ที่เปิดตัวอันดับ 1 ในอเมริกาเช่นกัน) รวมถึงเป็นหนัง 3 มิติเรื่องแรกที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ อีกด้วย โดยรายได้เปิดตัวสามวันแรกอยู่ที่ $68.2 ล้าน ซึ่งถือเป็นรายได้เปิดตัวสูงสุดอันดับที่ 3 ของหนังจากค่ายพิกซาร์ รองจาก The Incredible และ Finding Nemo ล่าสุดหลังจากฉายในอเมริกามา 2 สัปดาห์ UP กวาดรายได้ไปแล้วกว่า $141 ล้าน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าหนังฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉายก่อนอย่าง Angels & Demons, Night at the Museum 2 และ Terminator Salvation เสียอีก
เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาการฉายที่เหลือ รวมถึงการที่มีการฉายในระบบ 3 มิติด้วย UP อาจจะกลายเป็นแอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดของพิกซาร์แซงหน้า Finding Nemo ที่เคยทำไว้กว่า $340 ล้าน (ส่วนรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ $864 ล้าน) ก็เป็นได้!

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Blood The Last Vampire:ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ


















=Blood: The Last Vampire=
ชื่อไทย ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ
ประเภทหนัง Action/Thriller
ผู้กำกับ Chris Nahon
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 04 June 2009
ความยาวหนัง -
นักแสดง

Gianna Jun, Masiela Lusha, Allison Miller, Liam Cunningham, JJ Feild, Koyuki, Michael Byrne, Colin Salmon, Andrew Pleavin, Larry Lamb
เรทภาพยนตร์ G (general audiences)
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ -

ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ | เรื่องย่อ

จากผลงานแอนิเมชั่นการประพันธ์ของนักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดัง โอชิอิ มามุโระ เรื่องราวของ ซาย่า (จวน จี ฮุน) แวมไพร์สาวสวยออกตามล่าและทำลายล้างเหล่าภูต ผี ปีศาจ ทั้งมวลที่มีชีวิตมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศญี่ปุ่นตามคำสั่งขององค์กรลับแห่งหนึ่งของรัฐบาล เธอได้รับการฝึกฝนวิชาการต่อสู้แบบพิเศษ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การล่าหัวปีศาจตนหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมเรียนวิชาการต่อสู้ด้วยกัน ทว่าการปลิดชีพปีศาจตนนี้หาใช่เรื่องง่าย เพราะมันมีความสามารถในการแปลงกายได้อย่างแนบเนียนและแยบยล

=เกียวกับหนัง=
Blood The Last Vampire : หนังโกอินเตอร์ของ “ยัยตัวร้าย” จวน จีฮุน

สำหรับคอหนังในบ้านเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่เป็นแฟนหนังเกาหลีด้วยแล้วล่ะก็ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก จวน จีฮุน นางเอกสาวหน้าหวานเจ้าของสมญานาม “ยัยตัวร้าย” ที่เธอได้มาจากชื่อไทยของ My Sassy Girl หนังเรื่องฮิตที่ทำให้เธอกลายเป็นซูเปอร์สตาร์เพียงชั่วข้ามคืน หลังจากสร้างชื่อคับทั่วเอเชียเป็นที่เรียบร้อย บัดนี้ ก็ถึงเวลาแล้วที่เธอจะโกอินเตอร์สู่ฮอลลีวู้ดกับหนังเรื่อง Blood The Last Vampire ซึ่งว่ากันว่า นี่จะเป็นอีกครั้งที่ผู้ชมจะได้ดูศิลปะป้องกันตัวสไตล์ตะวันตกผสมกับศิลปะ การต่อสู้แบบเอเชียอันน่าตื่นตาตื่นใจ และต่อไปนี้คือเกร็ดหนังที่เราเก็บมาฝาก ซึ่งน่าจะทำให้คุณชมหนังเรื่องนี้แบบได้อรรถรสยิ่งขึ้น

จากการ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิตสู่หนังจอใหญ่

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นภาพยนตร์ Blood : The Last Vampire เคยเป็นแอนิเมชั่นที่ออกฉายในโรงหนังมาแล้วเมื่อปี 2000 จากฝีมือการกำกับของ ฮิโรยูกิ คิตาคูโบะ ซึ่งได้รับรางวัลแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจาก World Animation Celebration ในปี 2001 โดยแอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นแอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของโปรดักชั่น ไอ.จี ซึ่งมีผลงานเด่นๆ อย่าง Ghost in the Shell 2 : Innocence ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำในเทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว

นอกจากนั้น ยังมีหนังสือการ์ตูนที่แตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากแอนิเมชั่นเรื่อง Blood : The Last Vampire อีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น หนังสือการ์ตูนเล่มเดียวจบอย่าง Blood : The Last Vampire 2000 ซึ่งเขียนโดย เบนเคียว ทามาโอกิ และตีพิมพ์เผยแพร่ในญี่ปุ่นช่วงปี 2001 ก่อนที่จะถูกนำมาตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 และปรับเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยเป็น Blood : The Last Vampire 2002 นอกจากนี้ ยังได้รับการดัดแปลงเป็นนิยายภาพโดยตีพิมพ์ต่อเนื่องเป็นชุดทั้งหมด 3 เล่ม รวมถึงมีการนำมาดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมเพลย์สเตชั่นอีกด้วย

กระทั่งในปี 2005 โซนี่และโปรดักชั่น ไอ.จี จึงประกาศสร้าง Blood+ ในรูปแบบแอนิเมชั่น 50 ตอน ซึ่งออกฉายต่อเนื่องทางโทรทัศน์ในญี่ปุ่น Blood+ ถูกสร้างออกมาให้มีความแตกต่างจาก Blood เวอร์ชั่นจอเงินมากพอสมควร โดย Blood+ จะเน้นความเป็นดราม่าและมีการเผยปมลึกๆ เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเอก ซายะ ขณะที่ Blood เวอร์ชั่นจอเงินจะเน้นไปที่ความโหด ดิบ และฉากแอ็คชั่นฟันกันเลือดสาด มากกว่า

ทีมผู้สร้างมือฉมังจากฮอลลีวู้ด

Blood : The Last Vampire ใช้ทุนสร้างถึง $35 ล้าน มีการเดินทางไปถ่ายทำหลายๆ ฉากใน บัวโนส ไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา และใช้โลเกชั่นที่ประเทศจีน กำกับโดย คริส นาฮอน จาก Kiss of The Dragon โดยเขาคนนี้เคยร่วมงานกับ ลุค เบซอง มาแล้ว ร่วมด้วยทีมผู้สร้างระดับรางวัลออสการ์จากเรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon, Hero และสุดยอดทีมสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์จาก Spider-Man, Terminator และ Fantastic Four

นำแสดงโดยนางเอกอันดับหนึ่งจากเกาหลี

คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า จวน จีฮุน คือหนึ่งในซูเปอร์สตาร์สาวที่โด่งดังที่สุดของเกาหลีและเอเชีย วัดจากผลงานที่ผ่านมาโดยเฉพาะหนังสองเรื่องของเธอที่ถูกฮอลลีวู้ดซื้อไปรีเมคแล้วเรียบร้อย อย่าง II Mare (ลิขิตรักข้ามเวลา) ที่ถูกดัดแปลงเป็น The Lake House ซึ่งนำแสดงโดยคีอานู รีฟส์ กับ แซนดร้า บูลล็อค และ My Sassy Girl (ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม) ที่ถูกนำไปสร้างใหม่ในชื่อเดียวกัน ซึ่งนำแสดงโดย เอลิช่า คุธเบิร์ต และเจสซี่ แบร๊ดฟอร์ด

สำหรับ Blood : The Last Vampire ถือเป็นการก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเป็นครั้งแรกของเธอ (และเพื่อให้สมศักดิ์ศรีของการโกอินเตอร์ จวน จีฮุน จึงจัดแจงเปลี่ยนมาใช้ชื่อในวงการฮอลลีวู้ดว่า จีอานนา จวน) โดยรับบทเป็น สาวลูกครึ่งแวมไพร์ ที่คอยออกตามล่าเหล่าแวมไพร์นอกรีตให้หมดสิ้นไป นอกจากนี้ยังได้ อลิสัน มิลเลอร์ (CSI:NY, Desperate Housewives, Take) ที่ล่าสุดกำลังจะได้ประชันบทบาทกับแซค เอฟรอนใน 17 Again และโคยูกิ (The Last Samurai, Always : Sunset on The Third Street ทั้ง 2 ภาค) นักแสดงนำหญิงชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย

ทุ่มเทเกินร้อย เล่นจริง เจ็บจริง!

เห็นหน้าใสๆ หวานๆ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ หลายคนคงจะสงสัยว่า จวน จีฮุน จะพะบู๊กับเขาได้เหรอ? คำตอบก็คือ ใน Blood : The Last Vampire “ยัยตัวร้าย” ของเรา ทุ่มสุดตัวด้วยการเล่นฉากบู๊เองเกือบทุกฉาก และจะใช้สตั๊นท์แค่ฉากที่เสี่ยงเกินไปเท่านั้น โดย จวน จีฮุน (รวมถึงอลิสันและโคยูกิ) ต้องฟิตซ้อมอย่างหนักนานกว่า 3 เดือน ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของ ราชาคิวบู๊ หยวน วู ปิง ซึ่งเคยกำกับฉากแอ็คชั่นให้หนังอย่าง The Matrix, Crouching Tiger, Hidden Dragon, Kill Bill มาแล้ว เพราะฉะนั้น เราจะได้เห็น จวน จีฮุน สู้ไม่ถอย บู๊ทุกฉาก ฟันไม่เลี้ยง ในหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน!

=ตัวอย่างหนัง=

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Transformers : Revenge of the Fallen


















=ข้อมูลหนัง=
ชื่ออังกฤษ
Transformers : Revenge of the Fallen
ชื่อไทย อภิมหาสงครามแค้น
ประเภทหนัง Action/Sci-fi
ผู้กำกับ Michael Bay
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 23 June 2009
ความยาวหนัง 147 min.
นักแสดง

Shia LaBeouf, Megan Fox, Josh Duhamel, Tyrese Gibson, John Turturro
เรทภาพยนตร์ PG 13 (parents strongly cautioned)
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ http://www.transformersmovie.com/

Transformers อภิมหาสงครามแค้น | เรื่องย่อ

สงครามบนโลกมนุษย์ได้ยุติลง แต่ทว่าสงครามในห้วงจักรวาลนั้นเพิ่งจะเริ่มต้น หลังจากการกลับมาถึงไซเบอร์ทรอน สตาร์สครีม ได้รับคำสั่งของเจ้าแห่งฝ่ายดีเซปติคอนส์ และได้ตัดสินใจกลับมาบุกรุกโลกพร้อมกองกำลังจักรกลสังหาร ฝ่าย ออโต้บอทส์ ที่เชื่อมั่นในสันติภาพได้พบว่า ซากหุ่นที่ถูกทำลาย ของเมกาทรอน ได้ถูกขโมยไปจากกองทัพสหรัฐฯ โดย สคอร์ ฟิน็อกซ์ และทำให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ เมกาทรอน จึงกลับมาเพื่อแก้แค้น พร้อมสตาร์สครีม ผู้ภักดี และกองทัพจักรกลสังหารฝ่ายดีเซฟติคอนส์ ที่เดินทางมาสมทบอีกจำนวนมาก มหาสงครามแค้นครั้งนี้จึงเป็นงานใหญ่สำหรับฝ่าย ออโต้บอทส์ ที่จะต้องรับศึกอันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้

=เกี่ยวกับหนัง Transformers=
สองปีผ่านไป นับแต่หนุ่มน้อย แซม วิทวิคกี้ (ไชอา ลาบัฟ) ได้ช่วยจักรวาลให้รอดพ้นจากศึกขั้นเด็กขาดระหว่างหุ่นยนต์จากต่างดาวที่ กำลังสู้รบกันอยู่ แม้จะสร้างวีรกรรมอันกล้าหาญสุดขั้วมาแล้ว แต่แซมยังคงเป็นวัยรุ่นธรรมด๊าธรรมดาที่มีปัญหาว้าวุ่นใจไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย การต้องทิ้ง มิเกล่า (เมแกน ฟ็อกซ์) แฟนสาวของเขาเอาไว้ที่บ้านเกิด และต้องแยกห่างจากพ่อแม่ของเขา (เควิน ดันน์ และจูลี่ ไวท์) เป็นครั้งแรก แน่นอน ยังมีเรื่องหนักใจอื่นๆ อีกเมื่อแซมต้องพยายามอธิบายให้เพื่อนใหม่ของเขาฟังว่าทำไมเขาถึงต้องจากมา เพื่อนคนใหม่ที่ว่าก็คือหุ่นยนต์ที่คอยคุ้มครองดูแลเขาอย่างบัมเบิลบี สำหรับแซมแล้ว เป้าหมายของเขาก็คือการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเด็กนักศึกษาธรรมดาๆ แต่การจะทำตัวให้ธรรมดาได้ เขาต้องทำเป็นไม่สนโชคชะตาของตัวเขาเองเสียก่อน

ขณะที่แซม พยายามทำดีที่สุดเพื่อทิ้งปัญหาต่างๆ เอาไว้ที่มิสชั่นซิตี้ และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ อย่างไรก็ดี สงครามระหว่างพวกออโต้บ็อทส์ กับดีเซ็ปติคอนส์ ซึ่งดำเนินไปอย่างลับๆ ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย เซ็คเตอร์ 7 ถูกยุบไป และเจ้าหน้าที่ซิมม่อนส์ (จอห์น เทอร์เทอร์โร่) นายทหารผู้ภักดีกับเซ็คเตอร์ 7 ถูกไล่ออก และที่ถูกตั้งขึ้นมาแทนที่ก็คือเนสท์ (NEST) องค์กรใหม่ ซึ่งเลือกใช้งานนายทหารผู้มีประสบการณ์ภาคสนามอย่าง เลนน็อกซ์ (จอช ดูฮาเมล) และเอ็ปป์ส (ไทรีส กิ๊บสัน) พยายามหาวิธีทำงานเคียงข้างไปกับกลุ่มออโต้บ็อทส์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกดีเซ็ปติคอนส์ โชคร้ายที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ธีโอดอร์ กัลโลเวย์ (จอห์น เบ็นจามิน ฮิคกี้) เหมือนจะเล็งเห็นถึงอันตราย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยึดครองอำนาจควบคุมขององค์กรทุกหน่วยงานของกระทรวง กลาโหม รวมไปถึงอำนาจของแต่ละองค์กรเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็จะได้กำจัดหน่วยงานรัฐบาลที่เขาเห็นว่าไม่มีความสำคัญทิ้งไป กัลโลเวย์ จึงพยายามปิดเนสท์ ทิ้ง โดยเขาเชื่อว่าภัยคุกคามจากสงครามที่สร้างความวอดวายของกลุ่มหุ่นยนต์ต่างดาวสองกลุ่มนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาเชื่อว่ามนุษย์ไม่สนใจในความขัดแย้งที่ออโต้บ็อทส์ มีต่อพวก ดีเซ็ปติคอนส์

เมื่อชีวิตของ แซม ในที่เรียนใหม่เริ่มเข้าที่เข้าทาง โดยเขาสามารถปรับตัวเข้ากับลีโอ (ราม่อน ร็อดริเกซ) เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่เป็นจอมจุ้นจ้าน และอลิซ (อิซาเบล ลูคัส) เพื่อนสาวคนใหม่ที่จุ้นพอกัน แต่พอดีเป็นผู้หญิงเลยน่าสนใจกว่า จู่ๆ แซมก็เกิดความว้าวุ่นขึ้นอีกจนได้เมื่อเขาเห็นภาพที่แว่บขึ้นมาในหัวของเขา ราวกับสายฟ้าแล่บ ด้วยความหวาดกลัวว่าเขาอาจกำลังวิกลจริตเหมือนปู่ของเขา แซมจึงเก็บภาพที่เขาเห็นในหัวเอาไว้เป็นความลับ จนกระทั่งเขาไม่อาจทนเมินเฉยต่อข้อความและสัญลักษณ์ที่แทรกซึมเข้าไปในความ คิดของเขาได้

ถึงจะวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่ แซม พบว่าเขาต้องไปติดอยู่กลางศึกระหว่าง ออโต้บ็อทส์ และ ดีเซ็ปติคอนส์ โดย มีชะตากรรมของจักรวาลเป็นเดิมพันอีกเช่นเคย แต่ที่แซมยังไม่รู้ก็คือเขาคือผู้กุมกุญแจที่จะไขไปสู่ผลลัพธ์ของการทำศึก ระหว่างความชั่วและพลังแห่งความดี ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ รวมไปถึงเพื่อนที่เนสท์ และแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของเขาเอง ในที่สุด แซมก็ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความเป็นวิทวิคกี้ที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด เขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวเองจากคำขวัญประจำตระกูลที่ว่า “ไม่เสียสละ ก็ไม่ได้ชัยชนะ!” อีกต่อไป

Terminator 4


















=ข้อมูลหนัง=
ชื่ออังกฤษ
Terminator Salvation
ชื่อไทย คนเหล็ก 4 มหาสงครามจักรกลล้างโลก
ประเภทหนัง Action/Sci-fi
ผู้กำกับ McG
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 28 May 2009
ความยาวหนัง 130 min.
นักแสดง

Christian Bale, Sam Worthington, Anton Yelchin, Bryce Dallas Howard, Moon Bloodgood, Common, Jadagrace, Helena Bonham Carter
เรทภาพยนตร์ G (general audiences)
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ -

คนเหล็ก 4 มหาสงครามจักรกลล้างโลก | เรื่องย่อ

เรื่องราวในปี 2018 คริสเตียน เบล รับบทเป็น จอห์น คอนเนอร์ ชายผู้มีชะตาเป็นผู้นำเหล่ามนุษย์ในการต่อต้านองค์กร "สกายเน็ต" และเหล่าทหารหุ่นยนต์สังหารของมัน

ใน Terminator Salvation : The Future Begins คอนเนอร์ได้พบกับ มาร์คัส ไรท์ (แซม เวิร์ทธิงตัน) ชายหนุ่มลึกลับผู้ที่ความทรงจำครั้งสุดท้ายของเขาก็คือการอยู่ในแดนประหารนักโทษ แล้วความเชื่อของคอนเนอร์ ก็ต้องถูกท้าทาย เมื่อพบว่า แซม คือ ผู้ที่ถูกส่งตัวข้ามกาลเวลามาช่วยเขา แต่จากเวลาช่วงไหนล่ะ อดีตหรืออนาคตกันแน่ และเมื่อสกายเน็ตเตรียมการที่จะกวาดล้างมนุษย์ครั้งสุดท้าย คอนเนอร์กับมาร์คัสต้องผนึกกำลังกันเดินทางฝ่าอันตรายสู่ใจกลางของสกายเน็ต ที่ซึ่งพวกเขาได้ค้นพบความลับอันน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังการทำลายล้างมนุษยชาติ

ย้อนอดีตตำนาน คนเหล็ก ก่อนไปดู Terminator 4

=เกี่ยวกับหนัง=

ใช้เวลานานถึง 25 ปีเลยทีเดียว สำหรับตำนานมหากาพย์แอ็คชั่น-ไซไฟระหว่าง มนุษย์ กับ หุ่นยนต์ เรื่องนี้ โดยคนเหล็ก 4 จะมีความแตกต่างออกไปจากหนังสามภาคแรกเพราะ ภาคนี้จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตล้วนๆ ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์ลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกเครื่องจักรกลแบบจริงๆ จังๆ แถมยังอุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นทำลายล้างระดับวินาศสันตะโร ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น และมันส์สะใจ มากกว่าทุกภาคที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

ในเมื่อกินเวลานานกว่าสองทศวรรษแบบนี้ หลายคนอาจจะลืมๆ ไปแล้วก็ได้ว่า เรื่องราวในคนเหล็กภาคก่อนๆ ดำเนินมายังไง ดังนั้น ก่อนที่จะได้ดู Terminator 4 เรามาย้อนกลับไปทบทวนกันสักนิดดีกว่าว่า ตั้งแต่คนเหล็กภาคแรกเป็นต้นมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง...

The Terminator (1984)

สกายเน็ต ส่งหุ่นยนต์สังหาร T-800 (รับบทโดย อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์) ย้อนเวลามายังโลกปัจจุบันเพื่อกำจัด ซาร่าห์ คอนเนอร์ (รับโดยโดย ลินดา แฮมิลตัน) แม่ของ จอห์น คอนเนอร์ ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำกองกำลังกอบกู้โลก ในขณะเดียวกัน จอห์น คอนเนอร์ แห่งโลกอนาคตก็ส่ง ไคล รีส (รับโดยโดย ไมเคิล บีห์น) นายทหารหนุ่มที่เป็นมนุษย์ ย้อนเวลากลับมาปกป้อง ซาร่าห์ และสุดท้าย ไคล รีส ก็คือพ่อของ จอห์น คอนเนอร์ นั่นเอง

ซาร่าห์ และไคล ร่วมกันกำจัด หุ่นยนต์สังหาร T-800 ได้สำเร็จ แต่โชคร้ายที่ไคล รีส เสียชีวิต ซาร่าห์ จึงต้องแบกรับภาระทั้งหมดในการหยุดยั้ง สกายเน็ต แต่เพียงลำพัง พร้อมทั้งต้องประคบประหงมลูกในท้องซึ่งเป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติเอาไว้ ด้วย

The Terminator เป็นหนังทุนต่ำที่สร้างด้วยงบเพียง $6.4 ล้าน แต่กลับทำรายได้ทั่วโลกไปถึง $78 ล้าน (รายได้เฉพาะในอเมริกาอยู่ที่ $38 ล้าน) ด้วยความสำเร็จดังกล่าวทำให้ ผู้กำกับโนเนมอย่าง เจมส์ คาเมรอน ขึ้นทำเนียบเป็นนักทำหนังแถวหน้าของฮอลลีวู้ด ส่วน อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ พระเอกหุ่นพี่บึ้กของเรา ก็ก้าวขึ้นเป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ และติดภาพลักษณ์ความเป็น “คนเหล็ก” นับแต่นั้นเป็นต้นมา

Terminator 2 : Judgment Day (1991)

จากหญิงสาวที่ไม่ภาษีภาษา ซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้กลายเป็นหญิงแกร่งกร้านที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ด้วยความที่ยังโดนหุ่นยนต์สังหารและวันพิพากษาคอยตามหลอกหลอนอยู่ ทำให้เธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา ทั้งการไปฝึกรบกับทหารรับจ้างในเม็กซิโก และฝึกให้ จอห์น คอนเนอร์ (รับบทโดย เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง) ลูกชายของเธอ รู้จักวิชาการต่อสู้และใช้อาวุธตั้งแต่เล็กๆ

และในที่สุด สกายเน็ต ก็ส่งหุ่นยนต์สังหารรุ่น T-1000 (รับบทโดย โรเบิร์ต แพทริค) ซึ่งหลอมเหลวเปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรก็ได้ มาตามล่าแม่ลูกคู่นี้ แต่ขณะเดียวกัน คอนเนอร์ ในอนาคตก็ส่งหุ่นยนต์ T-800 (ชวาร์เซเน็กเกอร์) ที่ถูกตั้งโปรแกรมใหม่แล้ว มาคุ้มครอง จอห์น กับ ซาร่าห์ เช่น เดียวกัน เหตุการณ์จบลงตรงที่ พวกเขาสามารถถล่มห้องทดลองซึ่งเป็นที่เก็บชิ้นส่วนหุ่นยนต์ต้นแบบได้สำเร็จ พร้อมด้วยความหวังที่ว่า วันพิพากษาและโครงการ สกายเน็ต จะไม่เกิดขึ้น

Terminator 2 ยังเป็นฝีมือการกำกับของ เจมส์ คาเมรอน ซึ่งคนเหล็กภาคนี้ถือเป็นหนังภาคระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด หนังใช้ทุนสร้างสูงถึง $100 ล้าน (ซึ่งถือเป็นงบที่สูงที่สุดในยุคนั้น) และกวาดรายได้ทั่วโลกไปแบบถล่มทลายกว่า $520 ล้าน (รายได้เฉพาะในอเมริกาอยู่ที่ $200 ล้าน) แถมยังคว้าออสการ์ไปครองด้วยอีก 4 รางวัล โดยหนังภาคนี้ ไม่ได้มีดีแค่ฉากแอ๊คชั่นที่ตื่นเต้นเร้าใจเท่านั้น แต่ยังมีจุดเด่นที่เนื้อหาซึ่งพูดถึงด้านมืดของเทคโนโลยีและความรุนแรงที่ ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์ด้วย

สำหรับในบ้านเรา ถ้าจำไม่ผิด ในยุคแรกๆ ที่แผ่น Laser Disc เพิ่งเริ่มเข้ามาตีตลาด หลายๆ คนถึงขนาดต้องขวนขวายไปหาซื้อแผ่น Laser Disc คนเหล็กภาค 4 มาลองทดสอบดูว่าภาพและเสียง จะกระหึ่มคมชัด ตื่นตาตื่นใจ ขนาดไหน

Terminator 3 : Rise of the Machines (2003)

หลังจากที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวันพิพากษา บัดนี้ ซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว จะเหลือก็แค่ จอห์น คอนเนอร์ ในวัย 25 ปี (รับบทโดย นิค สตัห์ล) ที่ต้องเอาตัวให้รอดโดยปราศจากแม่ผู้มีจิตใจแข็งแกร่งอยู่เคียงข้าง และแล้ว T-X (รับบทโดย คริสแทนน่า โลเค่น) หุ่นยนต์สังหารสาวรุ่นใหม่สุดไฮเทค ก็ถูกส่งย้อนเวลากลับมาเพื่อสังหาร คอนเนอร์

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่เป้าหมายเดียวที่ สกายเน็ต หวังจะกำจัดอีกแล้ว แต่ยังมี เคต บริวสเตอร์ (รับบทโดย แคลร์ เดนส์) สัตว์แพทย์สาวว่าที่ภรรยาและผู้ช่วยของจอห์นในอนาคต ด้วยอีกคน ส่วนหุ่นยนต์ที่ถูกส่งมาปกป้องพวกเขาก็ยังเป็น T-800 (ชวาร์เซเน็กเกอร์) หุ่นยนต์ตกประป๋องรุ่นเดียวกับภาคก่อน นั่นเอง

Terminator 3 เป็นฝีมือการกำกับของ โจนาธาน มอสโทว์ ใช้ทุนสร้างมหาศาลกว่า $200 ล้าน ถึงแม้จะเป็นภาคที่แฟนๆ ชอบกันน้อยที่สุด แต่หนังก็ยังกวาดรายได้จากแฟนๆ คนเหล็กทั่วโลกไปกว่า $443 ล้าน

Terminator Salvation (2009)

เหตุการณ์เกิดขึ้นในโลกอนาคตหลังวันพิพากษาในปี 2018 ซึ่งเป็นเวลา 14 ปีหลังจากโลกถูกถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ในขณะที่กองทัพหุ่นยนต์ออกไล่ล่าเพื่อกำจัดมนุษยชาติให้สิ้นซาก ฝ่ายมนุษย์เองก็มีชีวิตอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันเป็นองค์กรลับในการโจมตีกองทัพหุ่น ยนต์ให้สูญสิ้นไปเช่นกัน และ จอห์น คอนเนอร์ (รับบทโดย คริสเตียน เบล) ก็คือ ชายคนเดียวซึ่งเป็นความหวังที่จะช่วยให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่รอดต่อไปได้

แน่นอนว่า หนังภาคนี้เราจะไม่ได้เห็นอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ในคราบของคนเหล็ก เพราะตอนนี้เขาได้ดิบได้ดีเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟลอเนียไปแล้ว แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังมี มาร์คัส ไรต์ (รับบทโดย แซม เวิร์ธทิงตัน) ชายลึกลับที่ถูกส่งตัวมาจากอดีตเพื่อช่วยเหลือจอห์น และเป็นกุญแจสำคัญในการประกาศมหาสงครามกับเครื่องจักรกลครั้งนี้ โดยหุ่นยนต์ที่เราจะได้เห็นใน Terminator 4 จะเป็นหุ่นยนต์รุ่น T-600 และ T-700 ซึ่งจะดูล้าสมัยกว่าภาคที่ผ่านๆ มา เพราะในปี 2018 วิวัฒนาการยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่ไฮเทคกว่านั้นได้ (จำได้หรือเปล่าว่าหุ่นยนต์ T-800 ของอาร์โนลด์ในภาคแรก มาจากปี 2029 โน่น)

Terminator 4 เป็นฝีมือการกำกับของ แม็คจี เจ้าของผลงานหนังแอ็คชั่นบ้าพลังอย่าง Charlie’s Angels ทั้ง 2 ภาค นี่จะเป็นหนังคนเหล็กเรื่องแรกที่เล่าเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในโลกอนาคต นอกจาก ฉากแอ็คชั่นมโหฬารระดับพินาศวอดวายที่มีให้ลุ้นระทึกกันเกือบตลอดทั้งเรื่อง แล้ว เราจะได้เห็น สกายเน็ต ในโลกอนาคตแบบเต็มๆ เสียที หลังจากโผล่มาให้เห็นแว่บๆ ในภาคก่อนๆ รวมถึงจะได้รู้ที่มาที่ไปของหุ่นรุ่น T-800 ของเฮีย อาร์โนลด์ อีกด้วย